11 เหตุผลทำไมต้องเลือกทำธุรกิจ MlM
- Chetsakun Yotponrasit
- Jul 2, 2015
- 1 min read

90 % ของคนที่ประสบความสำเร็จในการ ทําธุรกิจ mlm ที่ผมพบเจอ คือคนที่ไม่เคยคิดที่จะทำธุรกิจ และ Anti ธุรกิจ MLM เอามากๆ
ถ้าคุณลองมองดูลึกๆจริงๆ เรา Anti ธุรกิจ MLM จากตัวคนทำธุรกิจ ไม่ใช่จากตัวธุรกิจ(ตัวธุรกิจก็ด้วย ถ้ามันเป็นพวกแชร์ลูกโซ่ money game ต่างๆ) และบางบริษัทเปิดมาเป็น ระบบขายตรง แต่พอถึงเวลาไปไม่รอดก็ปิดหนี ไม่รับปิดชอบผู้สมัคร ส่วนใหญ่ MLM ประเภทนี้จะเป็นจำพวก local business คือมีได้เฉพาะใน asia หรือไทยเท่านั้น เพราะไม่มีกฏหมายคุ้มครอง ถึงกระนั้นทุกวันนี้ เราก็ยังเห็นคนแห่ ทําธุรกิจ MlM อยู่เรื่อยๆ ไม่ว่าจะธุรกิจใหม่-เก่า เพื่อนชวน ญาติชวน เจ้านายชวน ไอพวก แชร์ลูกโซ่หรือ money game ต่างๆ มันก็ยังมีคนหลงผิดเข้าไปทำอยู่ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม …
ในบทความนี้ผมอยากจะพูดถึง 10 เหตุผล ที่ผมได้ซักถามพูดคุยกับคนที่ประสบความสำเร็จใน ธุรกิจ MLM มากมาย ก่อนที่เขาจะเข้ามาสู่ธุรกิจ MLM เขาเหล่านี้ต่างไม่เคยคิดที่จะทำธุรกิจประเภทนี้เลยด้วยซ้ำ บางคนถึงขั้น Anti มากๆ แล้วทำไมเขาถึงเข้าร่วม ??? อย่างที่ผมบอกไว้ย่อหน้าแรก เราไม่ชอบธุรกิจ MLM จากตัวคนทำธุรกิจ ไม่ใช่จากตัวธุรกิจ ในมุมกลับกัน เราก็เข้าร่วมธุรกิจจากคนที่ชวนทำธุรกิจ ไม่ใช่จากตัวธุรกิจเหมือนกัน ขึ้นอยู่กับว่าคนๆนั้นจะเป็นใคร มีความน่าเชื่อถือไหม อุปนิสัย คุณลักษณะ นี้คือปัจจัยแรก ส่วนปัจจัยที่สองคือ เหตุผล ที่ไอตัวบุคคลปัจจัยแรกใช้ในการสื่อสาร ถึงตัวผู้มุ่งหวังให้เข้าใจเอาละทีนี้มาดูกันสิว่าอะไรคือเหตุผลหรือสิ่งจูงใจ ที่ทำให้คนที่ anti ธุรกิจเครือข่ายมากๆ หันมา ทําธุรกิจ MlM จนกลายมาเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจ MLM ในที่สุด

1.ไม่มีคนทำ – นี้ละคือโอกาส คนเหล่านี้มองเป็นโอกาส ไม่มีคนทำสิดี ฉันจะได้ทำ ทำไมต้องไปทำตามคนส่วนใหญ่ ถ้าคุณเป็นคนสร้างสร้างสรรค์พอ คุณต้องตั้งคำถามต่อแล้วว่า ทำไมคนส่วนใหญ่ไม่ทำ มันไม่ดีหรอ หรือเขาไม่ได้คิดกัน โอกาสคือสิ่งที่ใครบางคนมองเห็นเท่านั้น ถ้าทุกคนเห็นมันไม่ได้เรียกว่าโอกาส

2.คนสำเร็จน้อย – แน่ละไม่รู้ว่าทำไมถึงคิดกันว่าทำ MLM แล้วจะสำเร็จง่ายๆ บางคนเข้าร่วมธุรกิจแบบโดนขายฝัน หวังจะสบายไม่ยอมทำอะไรสักอย่าง คนที่มุ่งมั่นมานะเต็มที่ยังไม่สำเร็จ 100 % เลย นับประสาอะไรกับคนที่ทำเล่นๆ ทำเพื่อลอง ธุรกิจ mlm มันก็คือธุรกิจประเภทหนึ่งเหมือนกัน อยากจะสำเร็จคุณก็ต้องฝึกฝน ความรู้ กับ ทักษะ นั้นแตกต่างกัน ความรู้ก็คือแค่รู้ ทักษะคือการปฏิบัติได้อย่างคล่องแคล่ว ซึ่งต้องใช้เวลาในการลงมือทำจริงๆซ้ำๆ จนเป็น ธรรมชาติ ถ้าไม่ฝึกปฏิบัติจะแค่รู้ แต่ไม่มีทักษะ.
3.scale ความสำเร็จมันใหญ่ – ถ้าคุณจะยอมเหนื่อยกับอะไรสักอย่าง สิ่งนั้นต้องให้ผลลัพธ์ที่ใหญ่พอ ข้อนี้สำคัญมากๆ ธุรกิจที่คุณเลือกทำมันรองรับฝันขนาดใหญ่ของคุณได้ไหม การทำธุรกิจต้องมีผลลัพธ์ที่ดี
4.ไม่มีความเสี่ยง No – Risk Business – ลงทุนทำธุรกิจ mlm เป็นการลงทุนที่ต่ำมาก เพียงแค่หลักหมื่นบาทเท่านั้น เมื่อเทียบกับธุรกิจแฟรนไชส์ประเภทอื่นที่เฉียดถึงหลักแสนบาท และเป็นการลงทุนที่ไม่จำเป็นต้องลงทุนเพิ่มแต่อย่างไร
5.สุดท้ายแล้วทุกคนก็ต้องสนใจธุรกิจ MLM – ไม่ว่าใครก็ต้องสนใจเรื่องการหารายได้ ถ้าใครไม่สนใจเรื่องการหารายได้ แสดงว่าเค้าคนนั้นหารายได้ไม่เป็น สิ่งหนึ่งที่คนประสบความสำเร็จในธุรกิจ mlm ทำ คือการขายวิธีการทำธุรกิจ ไม่ใช่ขายแผนธุรกิจ

6.เพราะคุณต้องโดนสปอนเซอร์เป็นประจำอยู่แล้ว – ผมเองก็ยังโดนสปอนเซอร์เป็นประจำ ทั้งในรูปแบบ online และ offline แถมนับวันจะโดนมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งสามารถเปลี่ยนจากความน่ารำคาญเป็นความยินดี ถ้าคุณคิดหาวิธีที่จะเปลี่ยน จากผู้สปอนให้กลายมาเป็นผู้มุ่งหวังได้

7.โอกาสในการสร้าง connection – ธุรกิจ mlm มักจะเป็นการรวมตัวกันของผู้ที่มีความหลากหลายทางอาชีพและธุรกิจประเภทอื่นๆ ทำให้สามารถที่จะสร้าง connection ต่อจากสายงานหรือธุรกิจเดิมได้

8.โอกาสในการฝึกฝนพัฒนาทักษะด้านคน – คุณเคยประหม่าเวลาที่ต้องพูดบนเวทีหรือพูดต่อหน้าคนเยอะๆไหม ในธุรกิจ mlm คุณจะได้ฝึกฝน ภาวะความเป็นผู้นำ และ Human skills จากการพัฒนาของตัวคุณเอง

9.จัดสรรเวลาได้ตามต้องการ – สามารถที่จะทำเป็น part time หรือแบ่งเวลาเองได้ โดยไม่กระทบกับงานประจำ

10.passive income สำเร็จแล้วเสร็จ – การ ทําธุรกิจ mlm สามารถที่จะต่อยอดเป็น passive income ได้ในระยะเวลาที่สั่นที่สุด 3-5 ปี ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบทางธุรกิจ ที่คุณเลือก และความสามารถในการสร้างเครือข่ายของตัวคุณเอง

11. Network marketting is the future- เป็นธุรกิจแห่งอนาคต ทุกวันนี้การตลาดแบบดั้งเดิม ประสบความสำเร็จกันน้อยลงไม่ว่าจะเป็นแผ่นป้ายโฆษณา, การโฆษณาทาง Magzine, หนังสือพิมพ์, หรือ แม้กระทั่ง Internet หรือ โทรทัศน์ ผู้คนส่วนใหญ่จะให้ความสนใจไปที่การโฆษณาแบบปากต่อปากหรือเพื่อนบอกเพื่อนเสียมากกว่า (ถ้าเพื่อนบอกว่าดีฉันก็ว่าดีด้วย ) บริษัทใหญ่ๆจึงหันมาทำการตลาดแบบนี้มากขึ้นเพราะ นอกจากจะไม่ต้องเสียค่าโฆษณาแล้ว การโฆษณายังได้ประสิทธิภาพสูงสุด
ถ้าคุณ focus ไปในการทำธุรกิจและหาผู้มุ่งหวังอย่างถูกวิธี คุณจะพบว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่สนใจในการทำธุรกิจ และอีกจำนวนมากที่พร้อมจะเปิดใจรับฟัง ผมค่อนข้างมั่นใจในเรื่องนี้มาก ตัวผมเองก็มักจะโดนสาวๆหลอกไปเข้าฟังธุรกิจเครือข่าย อยู่หลายครั้ง >.< จากใน blog นี้ละ ไม่ว่าจะเป็นของค่ายไหน ผมจะแปลกใจอยู่เสมอเพราะมีคนหน้าใหม่จำนวนมากเข้ามารับฟังอยู่เรื่อยๆ ผมโดนหลอกไปก็ต้องไปนั่งฟังกับคนใหม่ จึงได้หาโอกาสสอบถามและพูดคุย ถึงสาเหตุในการเปิดใจ ส่วนมากจะเปิดใจด้วยสาเหตุหลักๆคือ 1. รายได้ 2. จากตัวผู้สปอนเซอร์ โดยสรุปแล้วสาเหตุหลักๆที่ผู้มุ่งหวังจะเข้าร่วมธุรกิจด้วยนั้นก็คือ “ตัวคุณเอง”
แด่ความสำเร็จครับ

Chetsakun Yotponrasit
Comments